ต้มกะทิสายบัว เมนูอาหารโบราณที่เต็มไปด้วยประโยชน์มากมาย
ต้มกะทิสายบัว น่าเสียดาย! ที่ในปัจจุบันแกงกะทิชนิดนี้ ไม่ค่อยมีที่ไหนทำออกมาขายแล้ว
ต้มกะทิสายบัว เมนูอาหารไทยนั้น มีอยู่หลากหลายเมนู ที่สืบทอดต่อกันมา ตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงปัจจุบัน แต่ละภาคของประเทศไทย ก็จะมีวัฒนธรรมเกี่ยวกับ อาหารการกิน ที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้กลายเป็น อาหารไทยแต่ละภูมิภาค ให้เราได้เห็น และลิ้มลองรสชาติ ในปัจจุบันนั้นเอง
และ เมนูอาหารไทยโบราณ อย่างต้มกะทิสายบัว เป็นเมนูที่ในปัจจุบัน ไม่ค่อยมีให้ได้เห็นกันแล้ว ทั้ง ๆ ที่เมนูนี้ทำไม่ยาก และมีประโยชน์อย่างมาก แต่คนสมัยใหม่ กลับไม่ค่อยนิยมรับประทานกันเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่า เมนูนี้เป็นเมนูโบราณ ทำให้คนสมัยใหม่ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำอย่างไร
และไม่รู้ถึงรสชาติที่แท้จริง กลัวว่าทำออกมาแล้ว แบบไหนที่เรียกว่าอร่อย เหมือนต้นฉบับ ถ้าเป็นอย่างงั้น… ในวันนี้ เราขอเสนอ วิธีทำเคล็ดลับการทำแบบง่าย ที่ทุกคนได้ลองทำแล้ว จะต้องติดใจ จนเป็นเมนูประจำบ้านเลยค่ะ
เมนูอาหารไทย ที่มีเรื่องราวมาตั้งแต่สมัยโบราณ
สำหรับ ต้มกะทิสายบัว ประวัติ นั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่คนนิยมนำเอาสายบัว มาทำเมนูอาหารต่าง ๆ แต่เมนูที่ขึ้นชื่อของสายบัวก็คือ ต้มกะทิสายบัว เนื่องจากสายบัวนั้น สามารถดูดซึมน้ำได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เข้ากับรสชาติ ของความหวานมันของกะทิ และความเค็มของปลาทู ที่ใส่ลงไปนั่นเองค่ะ เมื่อทุกอย่างเข้ากันได้อย่าลงตัว จึงทำให้เมนูนี้ กลายเป็นเมนูที่สามารถกินได้ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ต้มกะทิสายบัวนั้น หากปรุงมาร้อน ๆ และกินกับข้าวสวยหุงสุกใหม่ ๆ ก็จะยิ่งชูรสชาติได้เป็นอย่างดี กลิ่นข้าวสวยและกลิ่นกะทิ จะเข้ากัน ทำให้มื้ออาหารนั้น เต็มไปด้วยความอร่อย อย่างมากเลยทีเดียว แต่น่าเสียดาย ที่ในปัจจุบัน แกงกะทิชนิดนี้ ไม่ค่อยมีที่ไหน ทำออกมาขายแล้ว
ดังนั้น… หากทุกคน อยากลิ้มลองรสชาติ ของต้มกะทินี้ ก็สามารถทำกินเองได้ กับคนในครอบครัว เพราะวัตถุดิบนั้น ในปัจจุบันหาง่ายกว่าสมัยก่อน อยู่มากเลยทีเดียว แต่ เคล็ดลับในการทำต้มกะทิสายบัว ก็คือปลาที่ใส่ ต้องเป็นปลาทูเท่านั้น แต่ใช่ว่าใส่เนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ ลงไปแล้วจะไม่อร่อยนะคะ
เพียงแต่เป็นคำแนะนำ ว่าถ้าได้เป็นเนื้อปลาทู จะยิ่งชูรสเท่านั้นค่ะ ส่วนใครที่ไม่ชอบปลาทู อาจจะเปลี่ยนเป็น ปลาสลิด เพื่อทำเป็น ต้มกะทิสายบัวปลาสลิด หรืออาจจะเปลี่ยนจากปลาทูเป็น กุ้ง เพื่อทำเป็น ต้มกะทิสายบัวกุ้ง แบบนี้ก็ได้เช่นกันค่ะ
วัตถุดิบและ วิธีทําต้มกะทิสายบัวปลาเค็ม /ปลาทู
สำหรับ วัตถุดิบของต้มกะทิสายบัว และวิธีการทำนั้น เราได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว สำหรับทุกคนที่สนใจ อยากจะลองทำเมนูนี้ เพื่อกินกันในครอบครัว แบบง่าย ๆ
- วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
ก่อนที่จะเริ่มต้นการปรุงรส สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ วัตถุดิบนั้นเอง ซึ่งจริง ๆ แล้ว เมนูนี้เตรียมวัตถุดิบไม่เยอะ ดังนี้ ปลาทูนึ่งหรือปลาเค็ม แกะเอาแต่เนื้อ ใส่ได้ตามชอบ ขึ้นอยู่กับปริมาณที่จะทำ ในแต่ละครั้ง สายบัวปอกเปลือกออกให้เรียบร้อย ใส่ปริมาณตามชอบ ในส่วนของเครื่องปรุงมีดังนี้
- หัวกะทิ
- หางกะทิ
- หอมแดง
- พริกไทยเม็ด
- กะปิ เกลือ น้ำตาล และน้ำมะขามเปียกแบบเข้มข้น (หากไม่มีน้ำมะขามเปียก สามารถใช้มะนาวแทนได้ แต่อาจจะได้ความหอม ที่ต่างกันออกไป)
อัตราส่วนในการทำไม่ตายตัวนะคะ ขึ้นอยู่กับปริมาณที่เราจะทำต่อหม้อ เพียงแค่ชิมแล้วให้ออกรสชาติ มัน ๆ เค็ม ๆ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันใช้ได้แล้วค่ะ
- วิธีทำ
สำหรับวิธีทำเมนูนี้ เริ่มต้นด้วยการนำเอาหอมแดง และเม็ดพริกไทย มาโขลกให้เข้ากัน และจากนั้นใส่กะปิลงไป โขลกให้ละเอียด ให้เข้ากันทั้ง 3 อย่าง ตั้งหม้อและใส่หางกะทิ ต้มจนเดือดแตกมัน และใส่ส่วนผสมที่โขลกเอาไว้ ลงไปคนให้เข้ากัน และรอให้เดือด จากนั้นใส่สายบัวลงไป
และเริ่มต้นการปรุงรส ด้วยเกลือ น้ำตาล น้ำมะขามเปียก คนให้ส่วนผสมละลาย และสายบัวเริ่มสุก ชิมรสชาติ ว่าได้ตามที่ต้องการแล้วหรือยัง หากชื่นชอบรสชาติแบบไหน ก็ปรุงเพิ่มได้เลย เมื่อน้ำแกงเดือดอีกรอบ ให้ใส่เนื้อปลาทู (เนื้อสัตว์ตามที่ต้องการ) ที่แกะเตรียมเอาไว้ พร้อมทั้งหัวกะทิลงไป คนเบา ๆ จนเข้ากันได้เป็นอย่างดี และปิดไฟ พร้อมตักและเตรียมเสิร์ฟได้เลยค่ะ
เคล็ดลับการต้มกะทิสายบัวไม่ให้ดำ : อันดับแรกเลยนะคะ เราต้องทำการลอกเปลือกสายบัวออกให้หมด แล้วตัดเป็นท่อนพอดีคำ จากนั้นนำไปล้างในน้ำสะอาด และนำไปแช่น้ำเกลือต่อสักพัก พอครบกำหนดเวลา จากนั้นนำไปล้างในน้ำสะอาดอีก 1 รอบ
แล้วนำไปลวกในน้ำร้อน (ห้ามลวกจนสุกนะคะ เพราะเราจะนำไปต้มต่ออีกครั้งในน้ำกะทิ อาจจะทำให้สายบัวเปื่อยก่อนได้ค่ะ) วิธีนี้เป็นวิธีการทำแบบโบราณ และจะช่วยทำให้สายบัวไม่ดำ และดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น เคล็ดลับจุดนี้สำคัญมาก สำหรับเมนูต้มกะทิสายบัว อย่าลืมนำไปใช้กันด้วยนะคะ
และทั้งหมดนี้ เป็นทั้งการเตรียมวัตถุดิบ และการปรุงเมนู ต้มกะทิสายบัวแบบง่าย ๆ ที่เรามั่นใจได้เลยว่า ทุกคนจะสามารถ ทำกินเองได้อย่างแน่นอน สำหรับใครที่อยากลิ้มลองรสชาติ ของอาหารไทยเมนูโบราณ ที่ทำไม่ยากวัตถุดิบไม่เยอะ เราแนะนำให้ลองเมนูนี้ กันได้เลยค่ะ
วิธีการเลือกสายบัว : หลายคนสงสัยว่า สายบัวที่นำมารับประทานได้นั้น ต้องเป็นอย่างไร? สายบัวมีทั้งสีชมพูเข้ม ชมพูอ่อน และสีขาว ทั้งหมดนี้ล้วนแต่กินได้ แตกต่างกันเพียงสีสันทั้งนั้นเองค่ะ ส่วนสายบัวที่จะนำมาทำแกงกะทินั้น ควรสังเกตที่ลำต้น สีจะต้องไม่ดำไม่คล้ำ มีเส้นใยอยู่ไม่มาก (สามารถทดสอบได้ด้วยการหักเป็นสองท่อน ในขณะที่ดึงออกจากกัน ถ้ามีเส้นใยมากและไม่ขาดออกจากกัน ถือว่าใช้ไม่ได้) และควรเลือกเส้นใยบาง ๆ เราถึงจะได้สายบัว ที่อายุพอดี ไม่แก่จนเกินไป และเหมาะกับการนำไปประกอบอาหาร
ความน่าสนใจของเมนู ต้มกะทิสายบัว
ความน่าสนใจ ของเมนูต้มกะทิสายบัว ไม่ได้มีเพียงแค่รสชาติกลมกล่อม เข้ากันได้เป็นอย่างดี ของส่วนผสมต่าง ๆ เท่านั้นนะคะ แต่มันยังเป็นเมนูอาหาร ที่มีประโยชน์ ต่อผู้กินอีกด้วย ทั้งช่วยในเรื่องการขับถ่าย ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยบำรุงสายตา ร้อนภายในร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ
และยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกมากมาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริม ให้สิ้นเปลืองเงินกันเลย แค่เลือกกินเมนูอาหาร ที่มีประโยชน์ร่างกาย ก็ได้รับการบำรุง จากภายในสู่ภายนอก ได้แบบง่าย ๆ กันแล้วค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเมนูอาหารไทยโบราณ อย่างต้มกะทิสายบัว ที่เรานำเอามาแนะนำให้ทุกคน ได้รู้จักกันในครั้งนี้ ซึ่งหลายคน อาจจะรู้จักกันอยู่แล้ว แต่ไม่ได้กินมานาน เพราะว่าเริ่มหากินได้ยากขึ้นนั้นเอง เราจึงนำเอาวิธีการทำแบบง่าย ๆ มาฝากทุกคนเอาไว้ เวลาที่อยากกิน ก็สามารถทำกินเองได้เลย ไม่ต้องไปหาซื้ออีกต่อไป
แนะนำอาหารไทยโบราณ โดย สายรุ้ง